ทรฟื

วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2552

"ทับทิมสยาม06"บ้านปรือใหญ่ แหล่งรวมพันธุ์ไม้ดอกถิ่นอีสาน

ใคร จะไปนึกว่าพื้นที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ใน ต.ปรือใหญ่ อ.ขุขันธ์ จ.ศรีะเกษนั้น ในอดีตได้ชื่อว่าเป็นดินแดนอันแห้งแล้งและทุรกันดารมากที่สุดแห่งหนึ่งในภาค อีสาน

แต่ทว่าปัจจุบันกลายเป็นทำเลทองของการเพาะเลี้ยงกล้วยไม้และไม้ดอกไม้ประดับที่สวยงามที่สุดของประเทศไปแล้ว


ทั้ง นี้ ก็ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เมื่อครั้งได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรบ้านนาจะเรีย ซึ่งตั้งอยู่ริมชายแดนไทย-กัมพูชา ในท้องที่ ต.ปรือใหญ่ อ.ขุขันธ์ แห่งนี้ อันเป็นพื้นที่ที่ทางราชการได้จัดสรรให้แก่ราษฎรอยู่อาศัย กลุ่ม คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ได้เคลื่อนย้ายออกมาจากพื้นที่อยู่อาศัยเดิมที่อยู่ในเขต พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จากนั้นพระองค์ได้ทรงมีพระดำริให้มีการฟื้นฟูและพัฒนาสภาพแวดล้อม ด้วยการปลูกป่าให้เต็มพื้นที่ พร้อมกันนี้ก็ได้จัดตั้งเป็น "โครงการทับทิมสยาม 06" โดย มีปรมาจารย์ด้านกล้วยไม้ "ศ.ดร.ระพี สาคริก" คอยให้คำปรึกษาแนะนำ โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต สภาพแวดล้อม และสร้างความมั่นคงให้เกิดขึ้นกับราษฎรตามแนวชายแดน เพื่อรักษาไว้ซึ่งความมั่นคงของประเทศ

"โครงการ นี้มี ศ.ดร.ระพี สาคริก เป็นผู้ให้คำแนะนำต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเพาะเลี้ยงกล้วยไม้ โดยใช้ข้อมูลจากโครงการเพาะเลี้ยงกล้วยไม้ที่กะลูบี จ.นราธิวาส" เอนก บางข่า ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยพืชสวนจังหวัดศรีสะเกษ กรมวิชาการเกษตร เผย

เอนกกล่าว ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นใน จ.ศรีสะเกษ โดยระบุว่ามักจะพบปัญหาเรื่องพื้นที่ดินมีสภาพแห้งแล้งและดินเป็นหินดาน ในช่วงแรกที่กรมวิชาการเกษตร โดยศูนย์วิจัยฯ เข้ามาสนับสนุนในด้านการปลูกไม้ผลแก่เกษตรกรในพื้นที่ ซึ่งก็สามารถทำได้ในระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากไม้ผลไม่สามารถเติบโตได้ดีในดินดานซึ่งขาดความอุดมสมบูรณ์ จากนั้นศูนย์จึงได้สนับสนุนให้มีการศึกษาและวิจัยในการนำกล้วยไม้มาปลูก โดยทำในลักษณะของโรงเพาะชำ ซึ่งกล้วยไม้ไม่จำเป็นต้องใช้ดินในการปลูกทั้งแปลง ซึ่งเป็นการสร้างอาชีพและสร้างรายได้ให้เกษตรกรในพื้นที่

นอก จากนี้ ศูนย์วิจัยฯ ได้ทำการศึกษาและทดสอบพันธุ์กล้วยไม้และไม้ดอกไม้ประดับ โดยเปรียบเทียบพันธุ์กล้วยไม้สกุลหวาย หวายแคระ ม็อกคาร่า สปาโตก็อตติส อิพิเดรนรัม แวนด้าใบกลม แมลงปอ ออนซิเดียม ซึ่งนอกจากกล้วยไม้การค้าแล้ว ยังมีการพัฒนาพันธุ์กล้วยไม้พื้นเมืองในท้องถิ่นอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นกล้วยไม้แดงอุบล ม้าวิ่ง และกล้วยไม้สกุลอื่นๆ พร้อมกันนี้โครงการดังกล่าวยังทำการทดสอบและคัดเลือกพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ ต่างๆ ที่เหมาะสมเพื่อปลูกเชิงการค้า ในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ และบริเวณใกล้เคียง เช่น ฟิโรเดนดรอน เฟิร์น พืชตระกูลปาล์ม ปทุมมา เป็นต้น

"ในพื้นที่โครงการจะมีการรวบรวมพันธุ์กล้วยไม้ป่า และไม้ดอกไม้ประดับท้องถิ่น และพันธุ์ไม้ชื่อพระนาม โดยเฉพาะกล้วยไม้ในสกุล ม้าวิ่ง Doritis spp และกล้วยไม้ดิน รวมได้ทั้งสิ้นกว่า 60 สกุล 90 ชนิด ไม้ดอกไม้ประดับพื้นเมือง 10 ชนิด และพืชสมุนไพรอีก 70 ชนิดสายพันธุ์" ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยพืชสวนจังหวัดศรีสะเกษเผย เอนกกล่าวด้วยว่าสำหรับโครงการทับทิมสยาม 06 พร้อมที่จะเปิดเป็นแหล่งศึกษา ฝึกอบรม และศึกษาดูงานการเพาะเลี้ยงกล้วยไม้และไม้ดอกไม้ประดับ และให้บริการด้านการถ่ายทอดเทคโนโลยีและดูงาน ด้านการเพาะเลี้ยงกล้วยไม้ และไม้ดอกไม้ประดับที่เหมาะสมในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ และยังจัดทำแปลงปลูกแม่พันธุ์ไม้ผล โดยขณะนี้มีแม่พันธุ์ไม้ผลจำนวน 13 ชนิด 21 พันธุ์ในพื้นที่ 8 ไร่ เพื่อทำการขยายพันธุ์แจกจ่ายให้แก่เกษตรกรที่สนใจ สนใจศึกษาดูงานหรือซื้อพันธุ์ไม้ติดต่อได้ที่โครงการศูนย์ศึกษาและถ่ายทอด เทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงกล้วยไม้และไม้ดอกไม้ประดับ หมู่บ้านทับทิมสยาม 06 บ้านนาจะเรีย ต.ปรือใหญ่ อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ หรือติดต่อผ่านศูนย์วิจัยพืชสวนศรีสะเกษ ต.หนองไผ่ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ โทร.0-4561-2402 ในเวลาราชการ

สุรัตน์ อัตตะ

ที่มา : หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก ฉบับวันที่ 3 ตุลาคม 2551

http://www.komchadluek.net/2008/10/03/x_agi_b001_223902.php?news_id=223902

ป้ายกำกับ: , ,

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]

<< หน้าแรก