ทรฟื

วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2552

นักวิชาการแนะผู้ผลิตกล้วยไม้ เร่งจดสิทธิบัตรทั้งใน-ต่างปท. ชิงโอกาสครองตลาดส่งออก

รศ.ดร.ธัญ ญะ เตชะศีลพิทักษ์ อาจารย์ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า กล้วยไม้ไทยถือว่าเป็นไม้ดอกไม้ประดับเขตร้อน ที่ส่งออกในตลาดต่างประเทศสูงที่สุดในขณะนี้ และถือว่ายังไม่มีประเทศใดสามารถแข่งขันได้ ส่งออกได้ปีละกว่า 3,000 ล้านบาท แต่ยังพบปัญหาที่ผู้ค้าบางรายไม่ทราบถึงการจดสิทธิบัตรกล้วยไม้ ทำให้เป็นช่องทางให้ต่างประเทศขโมยการจดสิทธิบัตร

ทั้ง นี้ ต้องการให้ผู้ผลิตกล้วยไม้พันธุ์ใหม่ๆ นอกจากจดสิทธิบัตรในประเทศไทย ต้องจดสิทธิบัตรในต่างประเทศด้วย โดยเฉพาะประเทศคู่ค้าหลัก อย่าง สหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น เพื่อให้รับการคุ้มครองทั้งในและต่างประเทศ เป็นเวลาไม่เกิน 20 ปี ทั้งนี้ เบื้องต้นภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี ต้องทดสอบความต้องการของตลาดด้วยว่ามีจำนวนมากน้อยเพียงใด เพื่อไม่ให้กลายเป็นพันธุ์กล้วยไม้ที่ล้าหลัง

นอกจากนี้ ไม้ดอกไม้ประดับที่ส่งออกได้อันดับ 2 รองจากกล้วยไม้ ปีละ 30-40 ล้านบาท คือ ปทุมมา ซึ่งขณะนี้ได้มีการปรับปรุงปทุมมาพันธุ์เตี้ย ให้สามารถปลูกได้จากต้นกล้าแทนปลูกจากหัวพันธุ์ ออกดอกได้เร็วภายใน 3 เดือน มีลักษณะลำต้นเตี้ยลง 20 เซนติเมตร มีสีชมพู สีขาว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างทดสอบ คาดว่าจะสำเร็จภายใน 3-4 ปีนี้ พร้อมจดสิทธิบัตรและจำหน่ายออกสู่ตลาดได้

ด้าน นายโอฬาร พิทักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า ไทยมีปริมาณการส่งออกกล้วยไม้เมืองร้อนตระกูลหวายมากที่สุดในโลก เกษตรกรและผู้ส่งออกกล้วยไม้ต้องเร่งพัฒนาสินค้าใหม่ๆ เพื่อให้เกิดความหลากหลาย รวมทั้งควบคุมคุณภาพ สินค้าเพื่อสร้างความเชื่อถือแก่ผู้ซื้อทั่วโลก สำหรับตลาดใหม่ที่น่าสนใจคือ เกาหลี และ จีน โดยเฉพาะจีนถือเป็นตลาดใหม่ที่น่าจับตามองมากที่สุดเพราะมีประชากรจำนวนมาก ผู้ส่งออกไทย ควรเริ่มจากการเปิดตลาดสินค้าคุณภาพระดับล่างก่อนเพราะจีนสนใจสั่งซื้อ สินค้าจำนวนมากแต่ราคาไม่แพง

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้าฉบับวันที่ 24 กันยายน 2551

http://www.naewna.com/news.asp?ID=124600

ป้ายกำกับ: , ,

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]

<< หน้าแรก